Investor Relations

“เพราะทุกข้อมูลมีคุณค่า มีต้นทุนในการดำเนินงาน แล้วยังมีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนอีกด้วย” อาร์เอส กรุ๊ป จึงมุ่งเน้นให้เกิดการบริหารจัดการคลังข้อมูลขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ในขณะที่โลกกำลังประสบกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจได้ นั่นคือการลดลงของมลภาวะทางอากาศในเมืองใหญ่ของโลก ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในวิกฤตโลกร้อน เช่น ในประเทศจีน มลภาวะทางอากาศได้ลดลงไปประมาณ 70% จากระดับเดิม ซึ่งจากข้อมูลก่อนหน้านี้ในทางทฤษฎี ไม่ว่าจะมีการรณรงค์อย่างหนักขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่ามลภาวะทางอากาศจะสามารถลดลงได้ เพราะด้วย“กระแสการเติบโตทางอุตสาหกรรมของโลก” หรือ “ไลฟ์สไตล์” ของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่ในท้ายที่สุด.. จากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้..ก็เป็นไปได้ในทศวรรษนี้

ซึ่งในสภาวะนี้กิจกรรมที่เคยทำอยู่นอกบ้านก็จะถูกปรับแผนมาทำในบ้านแทน ..หนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นมากขึ้น คือ “กิจกรรมออนไลน์” ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าข้อมูลข่าวสารที่มาในรูปแบบของดิจิทัลดาต้าก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ประมาณการจากข้อมูลสถิติพบว่า การใช้ข้อมูลดิจิทัลดาต้าเพิ่มขึ้นมาถึงสองเท่า ซึ่งมันมีผลซ้ำเติมต่อวิกฤตโลกร้อนอย่างมหาศาล

เช่น การประชุมที่ต้องใช้ video call หรือ conference call การเรียนหนังสือ การเล่นเกมทางคอมพิวเตอร์ หรือการช้อปปิ้งออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน และทุกๆ คนยังคงต้องการความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ด้วยต้องพึ่งพาความบันเทิงออนไลน์เช่นกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดการใช้ดิจิทัลดาต้าแบบสายน้ำที่ไหลไม่หยุด หรือ “Super Data Streaming” ที่ต้องใช้พื้นที่มหาศาลในการเก็บข้อมูล ทำให้เซิฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ ต้องทำงานหนักขึ้น แถมจะต้องเผื่อพื้นที่ในการสำรองข้อมูล..และเมื่อเวลาผ่านไปก็จะถูกสะสมอยู่ใน Zombie server กลายเป็น “ขยะออนไลน์”

ทุกวันนี้เราสามารถช่วยกันต่อสู้กับวิกฤตโลกร้อนได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานด้วยความยั้งคิด การไม่ใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง การร่วมกันปลูกต้นไม้ การลดใช้ถุงพลาสติก และยังมีอีกวิธีที่ทำได้ง่ายๆ ที่ยังไม่ค่อยทราบกันคือ “การลบดิจิทัลดาต้าที่ไร้ประโยชน์หรือที่เราไม่ต้องการใช้แล้ว” เพราะดิจิทัลดาต้าที่เราสร้างขึ้นมาบนอินเทอร์เน็ตหรือในโลกออนไลน์นั้นจะถูกเก็บไว้ในดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหล่อเลี้ยงไว้ตลอด ที่สำคัญคือดาต้าเซ็นเตอร์แต่ละแห่งมีขนาดใหญ่และใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณมหาศาล โดยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในทุกปี เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่เติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ..เฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศจีนก็ใช้ไฟฟ้ามากกว่าที่ออสเตรเลียใช้ทั้งประเทศเสียอีก

และอีกหนึ่งวิธีของการลดโลกร้อนคือ “การใช้ทรัพยากรข้อมูลที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย” อย่างเช่น แอพพลิเคชั่น Coolism ที่ได้นำข้อมูลที่ทรงคุณค่านี้มาต่อยอดกลยุทธ์ Partnership ด้วยการนำเสนอการให้บริการผ่านเมนู COOLanything ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงผู้ฟังได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยสามารถฟังเพลงพร้อมช้อปปิ้งสินค้าและบริการได้ในเวลาเดียวกัน ผ่านการพัฒนาความสัมพันธ์จากคู่ค้า..เป็นพันธมิตร จากผู้ฟัง..เป็นลูกค้า เรียกได้ว่าเป็นการผนวกระหว่าง Entertainment และ E-Commerce เป็น Entertainmerce ได้อย่างลงตัว และถือเป็นการเก็บรักษาและนำข้อมูลมาสร้างประโยชน์สูงสุดกับทั้งบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียทุกส่วนได้อย่างยั่งยืนเลยทีเดียว

ที่มา : https://th.kbo-earth.org // บทความวิกฤต (ขยะ) ซ้อนวิกฤต (โควิด-19) โดย ร.อ.พิทักษ์ ตีรณกุล ร.น.