Investor Relations

“เมื่อกิจกรรมออนไลน์เดินหน้าอย่างเต็มที่ จึงมีขยะออฟไลน์ตามมา..เหมือนเงาตามตัว”

RS Group ได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ภายนอกให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบโลกใบนี้ไปด้วยกัน

จริงอยู่ที่กิจกรรมออนไลน์ทุกกิจกรรมไม่สามารถดำเนินไปได้ตลอด แต่ด้วยสภาวะถูกบีบบังคับจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ ผู้คนต่างๆ จึงต้องดำเนินการด้วยความระแวดระวังและไม่ลืมที่จะเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างจึงต้องการใช้ระยะเวลาอันสั้น

นี่เองเป็นจุดสร้างของแถม คือ “ขยะ” จากความสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นหีบห่อพัสดุที่เกิดจากการซื้อของออนไลน์ กล่องหรือถุงพลาสติกใส่อาหารที่มาจากร้านอาหารที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปนั่งรับประทาน ขยะที่เกิดจากการป้องกันตัวเองไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ถุงมือ ขวดเจลล้างมือ ชุดป้องกัน หรือแม้กระทั่งกระดาษชำระ เป็นต้น

ซึ่งสอดคล้องกับการที่สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยข้อมูลภาพรวมและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลที่สำคัญในปี 2563 โดยพบว่ากลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่มาแรง ได้แก่ ธุรกิจ E-commerce ที่มีการเติบโตสูง คิดเป็นมูลค่า 748,000 ล้านบาท นับว่าเป็นอันดับ 1 ของมูลค่าธุรกิจ E-commerce ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีการประมาณอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 20-30%

ซึ่งใน 2560 - 2562 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญคือ 1. ธุรกิจห้างสรรพสินค้า 2. ธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์อาหาร 3. ธุรกิจด้านเครื่องสำอางและอาหารเสริม ซึ่งเป็นผลมาจากการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีด้าน Online Delivery Service ทั้งสิ้น

และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ RS Group เดินหน้าแนวคิด “RS go Green” อย่างเต็มตัว ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบของกล่องบรรจุภัณฑ์ภายนอกจากกล่องลูกฟูกธรรมดา มาเป็นแบบ Green Carton นี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตลงไม่น้อยกว่า 25 กรัมต่อตารางเมตร โดยยังคงความสามารถในการรับน้ำหนักเรียงซ้อนและปกป้องสินค้าได้ดีขึ้น 4-25% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์ทั่วไป นอกจากนี้ยังได้รับการรับรอง Eco Value และ ISO 14021 ซึ่งมีการกำหนดฉลากสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการคำนึงถึงความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย และผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ทั้งการออกแบบ ลดการใช้วัตถุดิบ การลดใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำในการผลิต การใช้วัสดุและพลังงานหมุนเวียน การนำกลับมาใช้ใหม่ การลดของเสีย และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแสดงถึงการเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และยังถือเป็นการลดต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิตให้กับ RS Group ได้อีกทางหนึ่งด้วย

และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับกล่องกระดาษของ RS Group นั้น ..เรามาร่วมกันเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “วัสดุ” ด้วยการเสริมสร้าง เติมแต่งจินตนาการ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์กับสมาชิกในครอบครัวไปด้วยกันอย่างมีคุณค่า

ด้วยวิธีการ D.I.Y. กล่องกระดาษแบบง่ายๆ ให้เป็นของเล่นสุดน่ารัก เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต หรือจะเผื่อไปถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักด้วยก็ได้ และด้วยวิธีการนี้คงจะพอช่วยทำให้ช่วงเวลาการกักตัวไม่น่าเบื่อจนเกินไป ... และเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน..

“RS go Green จึงไม่ใช่แค่การทำตามกระแส แต่เป็นความจริงจัง จริงใจ ที่จะมุ่งดำเนินธุรกิจต่อไปให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

ที่มา : GNEWS กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม // สยามรัฐ แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ปี 63 // SCG Green Packaging // https://th.kbo-earth.org // บทความวิกฤต (ขยะ) ซ้อนวิกฤต (โควิด-19) โดย ร.อ.พิทักษ์ ตีรณกุล ร.น. // http://www.naibann.com/20-awesome-cardboard-playhouse-design-for-kids/