Outstanding Investor Relations Awards 2017 & 2020
ชื่อย่อหุ้น | RS |
ราคาล่าสุด | 13.00 THB |
เปลี่ยนแปลง | +0.30 |
% เปลี่ยนแปลง | 2.36% |
ปริมาณซื้อขาย | 711,560 |
ช่วงราคาระหว่างวัน | 12.70 - 13.00 |
ช่วงราคาใน 52 สัปดาห์ | 12.00 - 15.20 |
ปรับปรุงเมื่อ | 29 เม.ย. 2567 16:38 |
สาระความรู้ by IR
หากคุณชอบความเสี่ยงน้อย รับผลตอบแทนแน่นอน…ตราสารหนี้ หรือ Bond คือคำตอบ
“หากคุณชอบความเสี่ยงน้อย รับผลตอบแทนแน่นอน…ตราสารหนี้ หรือ Bond คือคำตอบ”
“ทำความรู้จักกับ Bond”
Bond หรือ ตราสารหนี้ คือ ตราสารทางการเงินที่ผู้ออกมีสถานะเป็นลูกหนี้ และผู้ลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ โดยได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และได้รับ “เงินต้น” คืนเมื่อครบกำหนดอายุ ซึ่งตราสารหนี้ที่ออกมาจะมีชื่อที่เรียกแตกต่างกันไปตามผู้ออกตราสารหนี้ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชน เป็นต้น
“6 เหตุผลที่ควรลงทุนใน BOND”
- ระยะเวลา ลงทุนสั้นหรือยาวก็ได้ เพราะตราสารหนี้มีอายุตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 20 ปีหรือมากกว่า ระดับความเสี่ยงจึงมีหลากหลาย ผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ตามต้องการ ให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตในแต่ละช่วงของตนเอง
- รายได้คงที่ เป็นแหล่งรายได้ประจำและสม่ำเสมอ เพราะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยเป็นงวดๆ ตามที่ระบุไว้บนหน้าตั๋ว เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการรายได้แน่นอน สม่ำเสมอ สามารถวางแผนล่วงหน้าทางการเงินได้ง่าย
- อัตราผลตอบแทนหรือ Yield ดี ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาลมีความเสี่ยงต่ำ แต่ยังคงให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป
- ลำดับสิทธิ สิทธิสูงกว่าหุ้นสามัญ เพราะผู้ลงทุนในตราสารหนี้มีฐานะเป็น “เจ้าหนี้” ขณะที่ผู้ลงทุนในหุ้นสามัญมีฐานะเป็น “เจ้าของ” ดังนั้น เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับเงินคืนก่อนเจ้าของเสมอ
- การกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนที่หลากหลาย เพราะราคาและผลตอบแทนจากตราสารหนี้ โดยปกติแล้วจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับหุ้น จึงช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้เป็นอย่างดี การจำหน่ายก่อนครบกำหนด ผู้ลงทุนสามารถขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนดได้ ซึ่งสภาพคล่องการซื้อขายอาจแตกต่างกันไปตามปริมาณและประเภทของตราสารหนี้นั้นๆ
ที่มา : ห้องเรียนนักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“แล้วทำไมบอนด์ยีลด์ หรืออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาถึงลดลง”
จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเป็นสัญญาณของตลาดที่บอกถึงการคาดการณ์การลดดอกเบี้ย นักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยว ตามการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นชนชาติหลักที่เดินทางไปทั่วโลก และผลกระทบทางอ้อม ที่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องปิดตัวลง
นักลงทุนจึงมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หรือบอนด์ยีลด์ ในหลายประเทศปรับตัวลดลงอย่างมาก (เมื่อมีความต้องการมาก นักลงทุนสามารถยอมรับผลตอบแทนที่น้อยลงได้)โดยเฉพาะบอนด์ยีลด์รุ่นอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลดลงมาก ทำให้ส่วนต่างของบอนด์ยีลด์อายุ 3 เดือนกับ 10 ปีแคบลง ซึ่งแสดงถึงการคาดการณ์การอ่อนตัวลงของเศรษฐกิจทั่วโลก และการคาดการณ์การลดดอกเบี้ย
“ควรลงทุนอย่างไร ในสถานการณ์ที่บอนด์ยีลด์ต่ำ”
นักลงทุนควรคำนึงถึงการมีสภาพคล่องที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ การถือเงินสด หรือการลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น อาจช่วยลดความเสี่ยงได้
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ว่าช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว และธนาคารกลางทั่วโลกจะอัดเม็ดเงินเพิ่มสภาพคล่องของตลาดเงิน ซึ่งนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้อาจจะกระจายพอร์ตการลงทุน โดยการเข้าซื้อตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond หรือตราสารหนี้ประเภทอื่น ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ควรคำนึงถึงเครดิตและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระของผู้ออกตราสารหนี้เป็นสำคัญ
ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนมีความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้จากภาคเอกชน เนื่องจากทั้งสถานการณ์โควิด และภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับ RS นั้น เรามีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing Debt-to-Equity Ratio) เพียง 0.68 เท่า ณ ไตรมาส 1/2020 และยังไม่มีการออกหุ้นกู้เอกชนสู่ตลาด ทำให้ RS มีความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ในระดับต่ำ และบริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับการเติบโตของบริษัทฯ
ที่มา : สนใจศึกษาเพิ่มเติมเรื่องบอนด์ได้ที่